
Metaverse มาจากคำว่า Meta กับ Verse รวมแล้วได้ความหมายว่าเป็น “จักรวาลที่อยู่เหนือจินตนาการ” ปรากฏครั้งแรกในนวนิยาย Sci-Fi ที่มีชื่อว่า Snow Crash เป็นโลกอีกใบที่ให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันผ่านการจำลองเป็นตัวละครต่าง ๆ (Avatar) นอกจากนี้ รอยเตอร์ส ยังระบุว่า เมตาเวิร์ส (Metaverse) เป็นคำที่กว้าง โดยทั่วไปหมายถึงการแบ่งปันสภาพแวดล้อมของโลกเสมือนจริงของผู้คนผ่านทางอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังหมายถึงพื้นที่ดิจิทัล ซึ่งถูกสร้างให้เหมือนจริงมากยิ่งขึ้น โดยการใช้ความเป็นจริงเสมือน (VR) หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (AR) เมื่อกาลเวลาผ่านไป คนก็ได้เข้าถึงเทคโนโลยีและโลกอินเทอร์เน็ตพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หลาย ๆ คนก็ได้แต่งเติมรายละเอียด Metaverse เพิ่มเติม ขอบเขตของ Metaverse จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่โลก หรือจักรวาลแห่งหนึ่ง แต่เป็นอะไรก็ได้ ที่เกิดจากเทคโนโลยีและช่วยเชื่อมต่อผู้คนให้สามารถสื่อสารและทำกิจกรรมกันได้ กล่าวคือ Metaverse คือ การสร้างสภาพแวดล้อมของโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จนกลายเป็น "ชุมชนโลกเสมือนจริง" ที่สามารถผสานวัตถุรอบตัวและสภาพแวดล้อมให้เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว โดยอาศัยเทคโนโลยี AR และ VR เข้ามาช่วยเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อให้กลายเป็นพื้นที่โลกเดียวกัน
ทำไมถึงได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว ?
บรรดาแฟนของเมตาเวิร์ส มองว่าสิ่งนี้เป็นก้าวต่อไปของการพัฒนาโลกอินเทอร์เน็ตเพราะขณะนี้ ผู้คนโต้ตอบกันทางออนไลน์โดยการไปที่เว็บไซต์ เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือการใช้แอปพลิเคชันรับส่งข้อความ แนวคิดของเมตาเวิร์ส คือ การสร้างพื้นที่ออนไลน์ใหม่ ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คนจะสามารถมีหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถดำดิ่งไปกับโลกดิจิทัลได้มากกว่าเพียงแค่การนั่งดูความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเมตาเวิร์สนี้ เห็นได้จากผลลัพธ์ของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เมื่อผู้คนต้องทำงานหรือเรียนผ่านทางออนไลน์ ความต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางออนไลน์ให้เสมือนชีวิตจริงก็มากขึ้นตามไปด้วย
Facebook เกี่ยวข้องอย่างไร ?
ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางแห่งอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก จากเฟซบุ๊ก (Facebook) และทิม สวีนีย์ จากเอปิกเกมส์ (Epic Games) กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เฟซบุ๊กกำลังให้ความสำคัญกับเมทาเวิร์สมากเป็นลำดับแรก ๆ นักวิเคราะห์บางส่วนระบุว่า เฟซบุ๊กได้ลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนผ่านอุปกรณ์หูฟังโอคูลัส (Oculus) ทำให้มันมีราคาถูกกว่าของคู่แข่ง และอาจจะถึงขั้นขาดทุน เฟซบุ๊กยังได้สร้างแอปพลิเคชัน VR หลายตัวสำหรับการสังสรรค์เข้าสังคมและการทำงาน รวมถึงตัวที่มีปฏิสัมพันธ์กับโลกแห่งความเป็นจริง และเมื่อไม่นานนี้ เฟซบุ๊กได้ลงทุน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.67 พันล้านบาท) ในการสนับสนุนกลุ่มที่ไม่แสวงหาผลกำไรหลายแห่งให้ช่วย "สร้างเมทาเวิร์สอย่างมีความรับผิดชอบ" แต่เฟซบุ๊กคิดว่า แนวคิดเมทาเวิร์สที่แท้จริง ๆ จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 10-15 ปี
Metaverse จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอะไรบ้าง ?
อย่างที่ทราบกันดีว่า Metaverse ไม่ใช่เพียงแค่โลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ที่เปิดให้คนสื่อสารเพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นประสบการณ์หนึ่งที่ได้เชื่อมต่อผู้คนระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงไปสู่โลกดิจิทัล โดยอาศัยการใช้เทคโนโลยี หลายประเภท เพื่อทำกิจกรรมใดก็ได้พร้อม ๆ กัน คำศัพท์ที่ปรากฏอยู่ดังต่อไปนี้มีส่วนประกอบสร้าง Metaverse ให้สมจริงและจับต้องได้มากขึ้น
-
Assisted Reality เทคโนโลยีผู้ช่วยที่อำนวยความสะดวกให้ผู้คนสามารถดูหน้าจอและโต้ตอบกับหน้าจอได้โดยไม่ต้องใช้มือ (hands-free) ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้คือ แว่นตาอัจฉริยะ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย ให้ผู้ใช้สื่อสารและสั่งการผ่านเสียงก็จะได้ข้อมูลขึ้นสู่สายตาทันที
-
Augmented Reality (AR) เทคโนโลยีโลกเสมือนที่สามารถปรากฏอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ส่วนใหญ่ธุรกิจค้าปลีกจะใช้เทคโนโลยี AR เพื่อให้ลูกค้าสามารถทดสอบนำสินค้าในโลกออนไลน์ไปจำลองในโลกจริง ตัวอย่างเช่น IKEA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก ได้ผลิตแอปพลิเคชัน เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองนำรูปเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากเทคโนโลยี AR ไปทดลองวางในห้องตนเองได้
-
Meatspace คำที่ใช้เรียกโลกทางกายภาพ หรือโลกที่เราใช้ชีวิตอยู่เป็นส่วนใหญ่
-
Multiverse หรือ จักรวาลโลกคู่ขนาน ใช้เรียกแพลตฟอร์ม หรือ Community ในโลกดิจิทัลที่ทำงานอิสระจากกันและกัน ตัวอย่างเช่น Facebook, Minecraft, Instagram, Roblox, Fortnite, Discord โดยตามทฤษฎีแล้ว Metaverse สามารถดึง Multiverse เหล่านี้มาทำงานอยู่ในที่เดียวได้
-
NFT หรือ Non-Fungible Tokens เป็นเสมือนเครื่องยืนยันว่าใครก็ตามสามารถครอบครอง ซื้อ หรือ ขาย และสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่ปรากฏอยู่ในโลกดิจิทัลเท่านั้น โดยมีเทคโนโลยีบล็อกเชนคอยกำกับความเป็นเจ้าของและป้องกันการขโมย ตัวอย่างของ NFT ได้แก่ ผลงานศิลปะ บัตรกีฬา ของสะสม โดย NFT สามารถซื้อขายได้โดยสกุลเงินดิจิทัล Cryptocurrency
-
Virtual Reality หรือ ประสบการณ์เสมือนจริง เป็นการใช้อุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงผู้ใช้งานกับโลกดิจิทัล ตัวอย่างเช่น การที่ผู้คนในในนวนิยายเรื่อง Ready Player One ใช้ชุดแว่น Virtual Reality เพื่อเดินทางสู่โลกแห่งเกม
Metaverse ใกล้เกิดขึ้นจริงแล้วหรือยัง ?
หลังจากที่ได้ศึกษาแนวคิดของ Metaverse และเห็นการเกิดขึ้นมาของเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกผู้ใช้งานให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้พรมแดน หลายคนอาจเอะใจแล้วไม่น้อยว่าเราอาจจะอยู่ในโลก Metaverse แล้วก็เป็นได้
ประโยคข้างต้นมีความจริงอยู่ส่วนหนึ่งตรงที่ขณะนี้ เราสามารถทำกิจกรรม มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม Metaverse ก็ยังไม่สามารถเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เพราะยังขาดองค์ประกอบสำคัญที่ว่า เทคโนโลยี หรือการไหลเวียนส่งต่อข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะต้องทำงานได้พร้อมกันและมีเสถียรภาพ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้คนนับล้านยังห่างไกลจากแนวคิดของ Metaverse อยู่มากเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าถึงและใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอินเทอร์เน็ตที่เร็วและความหน่วงต่ำเพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีหลายประเภทได้ นอกจากนี้ โลกออนไลน์ที่เราอาศัยอยู่ยังไม่สามารถจัดการสตรีมข้อมูลหลายร้อยรายการพร้อมกันเพราะคลาวด์ยังไม่รองรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่มหึมาได้จะเห็นได้ว่าต่อให้มีการผลิตเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์แนวคิด Metaverse มากเท่าไร การเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ตยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างภาพของ Metaverse ให้มีอยู่จริง หากในอนาคตคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้สามารถเชื่อมต่อโลกอินเทอร์เน็ตได้ด้วยความเร็วสูงกว่าระดับ 6G เราอาจเห็นโลกทั้งใบของ Metaverse กับตาตนเองก็เป็นได้
การตลาดในโลกของ Metaverse
นักการตลาดในยุคของดิจิทัลควรหันมาทำความเข้าใจ และคอยอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ Metaverse เพราะแน่นอนว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ย่อมส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในวงการของการตลาด ที่สามารถช่วยในเรื่องของการสื่อสารและการเข้าถึงผู้คนในรูปแบบใหม่ๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นออนไลน์กันมากยิ่งขึ้น ดังนั้น Metaverse จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่แทรนด์ใหม่ที่มาและจากไปอย่างรวดเร็ว แต่เป็นการเข้ามาของเทคโนโลยีที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทราบแบบนี้แล้วต่อมาเรามาดูแนวทางในการนำ Metaverse มาใช้ในทางการตลาดกัน
การนำ Metaverse มาประยุกต์ใช้กับการตลาดราวกับในโลกความเป็นจริง
ในปัจจุบันได้มีธุรกิจที่สามารถสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าโดยผสมผสานเข้ากับโลกเสมือนจริงได้อย่างลงตัว สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับกลุ่มคนจำนวนมาก และยังสร้างผลตอบรับจำนวนมาก โดยธุรกิจสามารถสร้างโลกใน Metaverse ให้เหมือนกันโลกในชีวิตจริงได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น Stella Artois บริษัทที่เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันในสนามระดับพรีเมียม ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า ZED Run ซึ่งเป็นแพลต์ฟอร์มการแข่งขันม้าออนไลน์ ให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายม้าแข่งได้อย่างเสมือนจริง โดยการใช้โทเคน หรือ NFT (non-fungible token) ในการซื้อขาย ซึ่งเป็นวิธีใหม่ในการซื้อและขายสินค้าดิจิทัล หรือ Blockchain บนโลกออนไลน์ Metaverse จะทำให้คุณบอกลาการทำโฆษณาในรูปแบบเดิมๆ ด้วยการทำโฆษณาแบบ Virtual ในโลกของ Metaverse ผู้เขียนขอพาทุกท่านมารู้จักกับ Bidstack บริษัทด้านเทคโนโลยีการโฆษณาบน Video game ซึ่งเป็นการสร้างป้ายโฆษณาที่เสมือนกับโลกความเป็นจริงแต่มาถูกวางมาอยู่บนป้ายโฆษณาแบบ Virtual นั่นเอง
นอกเหนือไปจากการวางบนป้ายโฆษณาในรูปแบบของ Virtual แล้ว นักการตลาดสามารถนำมาต่อยอดและปรับเปลี่ยนประโยชน์จากโลกของ Metaverse ได้ เนื่องจาก Metaverse สามารถมอบประสบการณ์ได้อย่างเสมือนจริงและในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติอย่างมาก เราจึงสามารถนำไปประยุกต์ในการนำเสนอแบรนด์หรือสินค้าบน Placement อื่นๆ ในโลกของ Metaverse โดยเป็นการ Tie in แบรนด์ไปแบบเนียนๆ ได้ ตัวอย่างอื่นๆ สำหรับการสร้างประสบการณ์ในแบบ Immersive เช่น คอนเสิร์ต Lil Nas X ใน Roblox , การเยี่ยมชม Gucci Garden และการจำลองเสมือนของย่าน Washington Heights ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมต In the Heights
Metaverse หรือพื้นที่จำลองในโลกดิจิทัลแบบเสมือนจริง จะเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตของเรามากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา เกม ความบันเทิงต่าง ๆ และด้านธุรกิจ หากแบรนด์ของคุณสามารถนำไอเดีย Metaverse มาใช้ให้เข้ากับแคมเปญ หรือการสร้างคอนเทนต์ของคุณให้โดดเด่น จะเป็นช่องทางสำคัญที่จะนำลูกค้าของคุณไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ล้ำสมัย และได้ประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น และนั่นคือกุญแจที่จะนำแบรนด์ของคุณไปสู่การเปิดช่องทางในการขาย และกลายเป็นที่รู้จักในตลาดทั้งในรูปแบบออนไลน์ และ ออฟไลน์
